Call of Duty: Vanguard เกมออนไลน์แนว Shooting สุดมันกลับมาอีกครั้งในธีมสงครามโลกครั้ง 2
สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอาเจ๊นัทกันอีกแล้วนะคะ ถ้าพูดถึงเกมออนไลน์แนว Shooting ที่เป็นเหมือนไม้เบื่อ ไม้เมากับซีรีส์ Battlefield คงหนีไม่พ้นซีรีส์ ‘Call of Duty’ แม้ว่าภาคใหม่ของ Battlefield รอบนี้เลือกที่จะกลับมายังสงครามในยุคปัจจุบันไม่ย้อนอดีตเหมือนภาคที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกับ Call of Duty ที่ในภาคใหม่พวกเขายังตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถึงกระนั้นก็เป็นหนึ่งในภาคที่ระบบเกมเพลย์น่าสนใจไม่ใช่น้อยกับ “Call of Duty: Vanguard” ซึ่งก็ได้สตูดิโอ Sledgehammer Games มาดูแลโปรเจกต์ในภาคนี้ เรียกว่ากระแสรีวิว คำวิจารณ์ออกมาในเชิงบวกเป็นอย่างมาก เอาหล่ะเราไปรู้จักภาคนี้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
ถ้าพูดถึงซีรีส์ Call of Duty อย่างแรกคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘โหมดเนื้อเรื่อง [Campaign]’ ซึ่งใน “Call of Duty: Vanguard” ก็ไม่ได้ทำให้ใครหลาย ๆ คนผิดหวังแม้แต่น้อยเลยค่ะ เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าผ่านตัวละครจาก 4 ประเทศ ประกอบไปด้วยประเทศอังกฤษ, ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศรัสเซีย และ ประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งตัวละครแต่ละตัวจะมีความสามารถและรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ สิ่งที่ขอชมเลยก็คือการนำเสนอของเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่ดูหลากหลาย เพราะเราจะเห็นแง่มุมของตัวละครทั้ง 4 ว่าเหตุผลที่แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ถ้าจะให้คะแนนในโหมดเนื้อเรื่องถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมงในการเล่นจบค่ะ ซื้อเกมนี้มายังไงโหมดเนื้อเรื่องก็ต้องเสพอยู่ดี
หลังจากพูดถึงโหมดเนื้อเรื่อง [Campaign] ไปแล้ว สิ่งที่คาดไม่ได้ของเกม “Call of Duty: Vanguard” ก็ต้อง ‘โหมดออนไลน์ [Multiplayer]’ นี่แหละค่ะ เพราะถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของเกมนี้เลยก็ว่าได้ โดยเขาจะแบ่งออกไป 2 โหมดใหญ่ ๆ ด้วยกันค่ะ โหมดแรกคือโหมดออนไลน์แบบทั่วไป และ โหมดออนไลน์แบบซอมบี้ เราจะอธิบายในแต่ละโหมดก่อนก็แล้วกันค่ะ
โหมดออนไลน์ [Multiplayer] แบบทั่วไปของเกม “Call of Duty: Vanguard” ในภาคนี้เกมเพลย์ยังเล่นง่ายไม่ซับซ้อนอะไรมาก แล้วยิ่งใครชอบภาคเก่า ๆ อย่าง Modern Warfare ก็จะเล่นภาคนี้สนุกขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะรูปแบบเกมเพลย์แทบจะถอดแบบออกมาเลยเพียงแค่ธีมภายในเกมจะคนละแบบเท่านั้นเอง แต่ถ้ามองในเชิงลึกเนี่ยตัวระบบเกมเพลย์ไม่ได้พัฒนาไปจากเดิมแค่คงรักษามาตราฐานเอาไว้ ซึ่งมันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน แต่รวม ๆ มันไม่ได้แย่นั่นเองค่ะ โดยในภาคนี้ยัดด่านมาให้เล่นมากถึง 20 กว่าด่านเลยค่ะ แล้วยิ่งใครที่เล่น Call of Duty: Warzone ก็จะได้รับปืนของภาคนี้ไปให้ใช้กันด้วย
โหมดออนไลน์ [Multiplayer] แบบซอมบี้ของเกม “Call of Duty: Vanguard” ถ้าหลายคนเบื่อจากการเล่นแบบเดิม ๆ หรือรู้สึกว่าอยากจะเล่นเกมคลายเครียด โหมดนี้ช่วยเพื่อน ๆ ได้อย่างเป็นทางดี เพราะมันออกแบบมาให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกกับมันแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เล่นระดับเทพก็สนุกนาน โดยโหมดนี้ก็จะมีเนื้อเรื่องเล็กน้อยตรงที่เราจะต้องต่อกรกับซอมบี้นาซีที่หมายจะใช้พลังปริศนาที่มีเพื่อยึดครองโลกนี้ให้สำเร็จ รูปแบบเกมเพลย์จะเป็นการบุกโจมตีเราในรูปแบบ Wave แล้วยิ่งหลัง ๆ ความโหดของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
โดยในภาคนี้มีการแบ่งโซนป้องกันรวมไปถึงโซนที่เราจะต้องเข้าไปทำภารกิจอย่างชัดเจนมาก ๆ มันเลยทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่อาจจะไม่เคยเล่นโหมดนี้มาก่อน ก็สนุกและเข้าใจได้ไม่ยากเลย ในเรื่องของการอัปเกรดปืนก็ไม่ได้ยุ่งยากนะคะ แถมเราสามารถเก็บเลเวลปืนในโหมดนี้ได้อีกด้วย มันเลยทำให้เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการเล่นแบบเดิม ๆ ก็มาสนุกในโหมดนี้ได้ค่ะ แต่ถ้าพูดถึงในความหลากหลายรู้สึกว่าศัตรูมันหน้าเดิม ๆ ไปหน่อย อยากให้มีการเพิ่มศัตรูหน้าตาใหม่ ๆ เข้ามาบ้างก็เท่านั้นเอง
สำหรับใครที่อยากจะเล่น Call of Duty: Vanguard ภาคนี้บนแพลตฟอร์ม PC ผูกขาดการวางจำหน่ายบนร้านค้า Battle.net เท่านั้น! สนนราคาอยู่ที่ Standard Edition $59.99 หรือตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท และ Ultimate Edition $99.99 หรือตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3,340 บาท แม้ว่าราคาอาจจะแรงแต่ก็มีการลดราคาเป็นระยะ ๆ ที่สำคัญ! นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาคที่ทาง Activision ประกาศชัดเจนว่า ‘สามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้!’ ผู้เล่นฝั่งพีซีสามารถเล่นร่วมกับฝั่งคอนโซลได้นั่นเอง สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ https://us.shop.battle.net/en-us/product/call-of-duty-vanguard
ถ้าเพื่อน ๆ ชื่นชอบการเล่นเกมออนไลน์ทั้งไทยและต่างประเทศ สิ่งที่สำคัญคือการเล่นที่ลื่นไหล ไม่มีสะดุด แล้วถ้าเกิดอินเทอร์เน็ตมีปัญหาลำบากแน่นอน อาเจ๊นัทก็ขอ “แนะนำโปรแกรม PingBooster” ที่จะช่วยในการเข้าเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด รวมไปถึงยังช่วยให้เข้าเล่นเกมที่มีการบล็อคไอพีได้ด้วย ที่สำคัญโปรแกรม PingBooster เป็นโปรแกรม VPN ที่แยกเน็ตในการใช้งานปกติ และ ใช้เล่นเกม จึงทำให้คุณสามารถที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าโปรแกรมของเราจะไปทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของท่านช้าลงเหมือนโปรแกรม VPN ตัวอื่นๆ ด้วยนะ